กดสิว ฉีดสิว ต่างกันอย่างไร วิธีไหนดีที่สุด
สิว ปัญหาผิวที่ทำให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ ขาดความมั่นใจ จะรักษาด้วยการบีบสิวเองก็เป็นการทำร้ายผิว หรือลองใช้สกินแคร์ที่มีคุณสมบัติดูแลรักษาสิวก็ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าสิวจะหาย หลายคนจึงนิยมเดินเข้าคลินิกรักษาสิวเพื่อดูแลปัญหาสิวแบบเร่งด่วนกัน โดยมี 2 วิธีหลัก ๆ ในการกำจัดสิวที่คลินิกส่วนใหญ่นิยมใช้ก็จะเป็นการกดสิว และการฉีดสิวนั่นเองครับ ซึ่ง 2 วิธีนี้จะมีความแตกต่างกันอย่างไร และวิธีไหนจะเหมาะสมที่สุดในการรักษาสิวนั้น วันนี้หมอจะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กัน
การกดสิวคืออะไร เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าการกดสิวที่คลินิกก็คงเหมือนกับการบีบสิวด้วยตัวเอง แต่หมอขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าไม่ใช่ เพราะการบีบสิวด้วยมือนั้นจะเป็นการทำร้ายผิวอย่างมาก ทั้งทิ้งรอยดำ รอยแดง และยังส่งผลให้เกิดหลุมสิวในอนาคตได้อีกด้วย
ในขณะที่การกดสิวที่คลินิกจะเป็นการใช้เครื่องมือสำหรับกดสิวโดยเฉพาะ เพื่อให้หัวสิวหลุดออกมา ซึ่งจะเป็นวิธีที่เหมาะกับการกำจัดสิวอุดตันประเภทสิวหัวขาว และสิวหัวดำ ทั้งนี้อาจจำเป็นต้องทายาละลายหัวสิว เพื่อให้หัวสิวหลุดออกมาโดยง่าย และจำเป็นต้องเข้ารับบริการกับผู้ที่มีความชำนาญการด้านการกดสิวโดยเฉพาะจะดีที่สุด เพื่อลดการเกิดปัญหาหลุมสิวที่อาจตามมาได้นั่นเอง
ข้อดีของการกดสิว สำหรับการกดสิวจะมีข้อดีดังต่อไปนี้
- การกดสิวช่วยกำจัดสิวอุดตันได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับการใช้ยาทา ยาทาน หรือสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติรักษาสิว
- ปราศจากผลข้างเคียง หรืออาการแพ้ยาจากการทานยา หรือทายารักษาสิว
- การกดสิวสามารถช่วยลดโอกาสการพัฒนาของสิวอุดตันที่จะกลายเป็นสิวอักเสบในอนาคตได้
- ช่วยให้สิวอักเสบที่มีหัวยุบเร็วขึ้น หากมีการกดสิวก่อนฉีดสิว
- ช่วยให้ผิวสัมผัสมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการกำจัดสิวอุดตันที่อยู่ใต้ผิว
การกดสิวเหมาะกับสิวประเภทไหน สำหรับการกดสิวเป็นวิธีจัดการสิวที่เหมาะสำหรับสิวอุดตันที่สะสมภายในรูขุมขน ที่ไม่มีการอักเสบหรือการติดเชื้อ เช่น สิวอุดตันหัวขาว สิวอุดตันหัวดำที่สามารถมองเห็นลักษณะหัวสิวได้จากภายนอก
การฉีดสิวคืออะไร การรักษาสิวด้วยการฉีดสิวเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่อาศัยการใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ฉีดเข้าไปบริเวณหัวสิวที่มีการติดเชื้อ หรือการอักเสบโดยเฉพาะ สามารถช่วยลดอาการบวมแดงของสิวได้ ซึ่งจะช่วยให้สิวค่อย ๆ ยุบหลังเข้ารับบริการประมาณ 2-3 วัน ส่วนใหญ่จะนิยมเข้ารับบริการควบคู่ไปกับการกดสิว หรือใช้ยาทาเพื่อละลายหัวสิว เนื่องจากการฉีดสิวเป็นเพียงวิธีที่ช่วยลดการอักเสบของสิวเท่านั้น แต่หัวสิวยังคงอยู่นั่นเอง
ทั้งนี้จำเป็นต้องทำหัตถการนี้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ หากมีการผสมปริมาณยาที่ไม่เหมาะสม หรือมีเทคนิคการฉีดสิวที่ผิดวิธี อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างเกิดรอยบุ๋มเห็นชัดบริเวณที่ฉีดสิวได้ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อประมาณ 2-3 เดือนเลยทีเดียว
ข้อดีของการฉีดสิว การฉีดสิวสามารถช่วยลดการอักเสบ บวม แดงของสิวอักเสบ สิวหัวช้าง สิวซีสต์ได้อย่างรวดเร็วภายใน 2-3 วัน ขณะเดียวกันยังสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดรอยหลุมสิวในอนาคตได้อีกด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราปล่อยให้สิวอักเสบนาน ๆ หนองที่อยู่ภายในสิวก็จะกัดกินเนื้อเยื่อใต้ผิว อาจทำให้เกิดโพรงลึกจนไม่สามารถสมานตัวได้เต็มที่ และกลายเป็นหลุมสิวได้ในที่สุด
การฉีดสิวเหมาะกับใคร การฉีดสิวไม่สามารถใช้รักษาสิวทุกประเภทได้ จะสามารถใช้ได้กับสิวที่มีลักษณะบวม แดง อักเสบ สัมผัสแล้วรู้สึกเป็นไต เป็นก้อนแข็ง หรืออาจมีความรู้สึกเจ็บปวดร่วมด้วยก็สามารถรักษาได้ และไม่ว่าจะเป็นเม็ดเล็ก หรือใหญ่ เป็นสิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์ ก็สามารถจัดการด้วยการฉีดสิวได้ แต่จะไม่สามารถนำมาใช้ในการรักษาสิวอุดตันได้ เพราะมิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดรอยบุ๋ม หรือผิวเป็นหลุมได้
กดสิว ฉีดสิว เลือกวิธีไหนดี ถ้าส่องกระจกแล้วสังเกตเห็นสิวขึ้นมาจนรู้สึกขาดความมั่นใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกวิธีกดสิว หรือฉีดสิวเพื่อกำจัดสิวเหล่านั้นอย่างไรดีนั้น หมอก็ขอแนะนำให้คนไข้สังเกตก่อนว่าสิวที่เผชิญอยู่นั้นมีลักษณะอย่างไร จัดอยู่ในประเภทสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบกันแน่ เพื่อจะได้เลือกวิธีจัดการได้อย่างถูกวิธี แต่ถ้าหากไม่สามารถระบุได้ หมอขอแนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุดจะดีกว่า
การกดสิว และการฉีดสิวต่างก็เป็นวิธีการกำจัดสิวได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจเหมาะสำหรับใช้รักษาในประเภทสิวที่แตกต่างกัน คือ การกดสิวเหมาะสำหรับสิวอุดตัน ในขณะที่การฉีดสิวเหมาะสำหรับสิวอักเสบ
สนับสนุนข้อมูลโดย : ศูนย์สุขภาพผิว
คลิก > โปรแกรมเพื่อสุขภาพผิวและความงาม